237 Views Report Error
ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1952 พายุลูกใหญ่ได้พัดเข้าสู่นิวอิงแลนด์ ซัดกระหน่ำเมืองต่างๆทางตะวันออกของแนวชายฝั่ง และสร้างความเสียหายให้กับเหล่าเรือที่ติดอยู่บนเส้นทางแห่งหายนะรวมถึงเรือ เอสเอส เพนเดิลตัน เรือบรรทุกน้ำมันแบบ T-2 ที่กำลังมุ่งหน้าไปบอสตัน ที่ถูกคลื่นซัดจนขาดออกเป็น 2 ท่อน ทำให้ลูกเรือกว่า 30 คนติดอยู่ในเรือที่พร้อมจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรในทุกวินาที
เรื่องย่อ ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1952 พายุลูกใหญ่ได้พัดเข้าสู่นิวอิงแลนด์ ซัดกระหน่ำเมืองต่างๆทางตะวันออกของแนวชายฝั่ง และสร้างความเสียหายให้กับเหล่าเรือที่ติดอยู่บนเส้นทางแห่งหายนะรวมถึงเรือเอสเอส เพนเดิลตัน เรือบรรทุกน้ำมันแบบ T-2 ที่กำลังมุ่งหน้าไปบอสตัน ที่ถูกคลื่นซัดจนขาดออกเป็น2 ท่อน ทำให้ลูกเรือกว่า 30 คนติดอยู่ในเรือที่พร้อมจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรในทุกวินาที ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสที่อยู่บนเรือ เรย์ ไซเบิร์ต (เคซีย์ เอฟเฟล็ค) ผู้ช่วยวิศวกรที่หนึ่งก็รู้ว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่จะต้องคอยควบคุมลูกเรือที่ตื่นตระหนกและเป็นแรบันดาลใจให้พวกเขาที่จะพักเรื่องความแตกต่างเอาไว้แล้วร่วมมือกันเอาชนะพายุที่โหดร้ายที่สุดที่เคยพัดชายฝั่งตะวันออก ในขณะเดียวกัน เมื่อข่าวนี้ไปถึงหน่วยป้องกันชายฝั่งของสหรัฐฯที่สถานีชาธาม รัฐแมสซาจูเซ็ทส์พันจ่า แดเนียล คลัฟฟ์ (อิริค บานา) ได้สั่งปฏิบัติการสุดอันตรายเพื่อช่วยเหลือเหล่าลูกเรือกลุ่มนั้น ถึงแม้จะมีความไม่ลงรอยกัน ชายหนุ่ม 4 คนที่นำโดย เบิร์นนี่เว็บเบอร์ (คริส ไพน์) หัวหน้าผู้คมเรือ หน่วยชายฝั่งได้ออกทะเลด้วยเรือไม้กู้ชีพที่มีเครื่องยนต์ที่ไม่ค่อยสมบูรณ์รวมถึงอุปกรณ์นำทางอันน้อยนิดท่ามกลางอุณหภูมิอันหนาวจัด คลื่นที่สูงกว่า 60 ฟุตและแรงลมปะทะระดับเฮอร์ริเคนถึงแม้ว่า The Finest Hour จะเป็นหนังนอกกระแส ที่พระเอกนางเอกไม่ได้มีแฟนคลับติดตามมากนัก แต่การนำเสนอของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดูตื่นเต้นและน่าติดตามพอสมควรเลยทีเดียว ข้อเสียอาจจะมีตรงช่วงต้นๆ เพราะเรื่องเดินค่อนข้างช้าใครที่ไม่ใช่คอหนังชีวิตคงจะเบื่อได้ง่ายๆ แต่พอเข้าสู่ช่วงกลางเรื่องแล้ว เรื่องกลับดึงดูดผู้ชมให้หลุดเข้าไปอยู่ในจอเหมือนกับกำลังอยู่ในเหตุการณ์เรือแตกด้วยจริงๆ โดยตัวเรื่องได้แสดงถึงความเสียสละ ความรัก และความกล้าหาญของตัวละคร ที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างในตอนแรกเราก็คิดว่าเรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพราะตัวละคนมีคาแรคเตอร์ที่เกินกว่าจะเป็นคนธรรมดาๆ แต่พอมาเห็นฉากจบ ที่บอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงๆ ทุกตัวละครมีชีวิตอยู่จริงๆ ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกตื้นตันไปกับหนังเรื่องนี้ น้ำตาก็เริ่มคลอขึ้นมาเล็กน้อยฉากที่เราชอบมากที่สุด คงจะเป็นฉากที่พระเอกฝ่าสันดรทราย เพื่อจะเข้าไปช่วยเรือบรรทุกน้ำมันที่แตกอยู่กลางทะเล เราว่ามันเป็นอะไรที่ลุ้นมากๆ เลย ลุ้นยิ่งกว่าดูคนเล่นเชิร์ฟบอร์ดซะอีก ยิ่งฉากที่เรือมุดใต้คลื่นไปโผล่อีกฝั่ง ยิ่งรู้สึกลุ้นขึ้นไปอีก ว่าเรือจะจมไหม แต่พอรอดมาได้ก็รู้สึกโล่ง่งใจ เราเองก็สงสัยว่าในความเป็นจริงจะสามารถทำอย่างนี้ได้จริงไหม แต่พอหาข้อมูลแล้ว พบว่าความเร็วของเครื่องยนต์เรือ สามารถพาเรือลอดข้ามท้องคลื่นเล็กๆ ได้จริงๆ แบบนี้เรายิ่งชื่นชอบความกล้าหาญของพระเอก ถึงแม้ว่ามันจะดูบ้าบิ่นจนเหมือนจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งก็ตามนอกจากนี้หนังเรื่องนี้ยังมีชีนอารมณ์ค่อนข้างเยอะและนักแสดงก็สามารถทำออกมาได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนของนางเอก หรือการต่อสู้กับความกลัวของพระเอก เราสังเกตว่ากล้องจะซูมไปที่มือของพระเอกตอนขับเรือหลายครั้ง ว่ามันสั่น ที่จริงเราคิดว่า อาจจะเป็นเพราอากาศที่หนาวก็เป็นได้รึไม่งั้นพระเอกก็อาจจะป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง แต่เมื่อเรื่องเดินมาถึงจุดสุดท้าย เราเลยฟันธงว่าน่าจะเป็นเพราะสั่นสู้มากกว่า ซึ่งนักแสดงก็แสดงได้สมบทบาทดีภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังชีวิตที่มีคุณค่า นักแสดงและทีมงานฝ่ายผลิตตั้งใจทำผลงานออกมาได้ดีแถมยังให้แง่คิดดีๆ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการโปรโมทอะไรมากมาย แต่หนังดี ถึงจะไม่ดัง แต่ก็ควรดู จริงไหม ดูหนังใหม่
ผู้กำกับ เครก กิสเลสปี้
วันที่เข้าฉาย 29 มกราคม 2559
ความยาว 1 ชม. 57 น.